การใช้และการตีความกฎหมายมหาชน

Description

คำอธิบายรายวิชา

วิชา การใช้และการตีความกฎหมายมหาชน เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับ การเทียบเคียงกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในทางกฎหมายปกครองนั้น จะต้องดำเนินความคิดตามหลักทั่วไปในทางนิติวิธี กล่าวคือ ในกรณีที่มีการตีความกฎหมายลายลักษณ์อักษร ตามหลักเกณฑ์การตีความต่าง ๆ จนสิ้นสุดแล้ว ปรากฏว่าไม่อาจนำบรรทัดฐาน หรือบทกฎหมายลายลักษณ์อักษรปรับแก้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้โดยตรง ซึ่งเท่ากับเป็นกรณีที่เกิดช่องว่างทางกฎหมายขึ้น ผู้ใช้กฎหมายจะต้องตรวจสอบว่าบรรทัดฐานหรือบทกฎหมายที่ไม่อาจตีความให้ใช้บังคับได้โดยตรงนั้น จะมีศักยภาพหรือความสามารถในการได้รับการนำไปใช้เทียบเคียงได้หรือไม่ กล่าวคือ มีข้อห้ามมิให้นำกฎเกณฑ์ดังกล่าวไปใช้เทียบเคียงหรือไม่ หรือมีข้อจำกัดว่าผลทางกฎหมายของบรรทัดฐานหรือบทกฎหมายดังกล่าวนั้น ถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะกรณีที่ต้องด้วยองค์ประกอบโดยตรงเท่านั้นหรือไม่ จากนั้นต้องพิจารณาว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและไม่ต้องด้วยองค์ประกอบโดยตรงนั้น สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อเท็จจริงที่ต้องด้วยองค์ประกอบโดยตรง หากปฏิบัติไม่เหมือนกันแล้ว จะก่อให้เกิดความไม่เสมอภาคหรือไม่ และเมื่อพิจารณาโครงสร้างและระบบกฎหมาย ประวัติความเป็นมา ตลอดจนวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ชั่งน้ำหนักเหตุผลในด้านต่าง ๆ และประเมินคุณค่าแล้ว สมควรที่จะนำบรรทัดดฐานหรือบทกฎหมายที่ไม่ตรงกันกับข้อเท็จจริงนั้นไปใช้บังคับแก่ข้อเท็จจริงดังกล่าวในฐานะเป็นกฎหมายที่ไกล้เคียงอย่างยิ่งหรือไม่ ทั้งนี้โดยต้องตระหนักว่าในทางกฎหมายปกครองนั้น การเทียบเคียงกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในทางที่เป็นผลร้ายแก่บุคคล บางกรณีไม่อาจกระทำได้เลย เช่น กรณีของโทษปรับทางปกครอง ส่วนการเทียบเคียงกรณีอื่นที่เป็นผลร้ายแก่บุคคลโดยหลักแล้วย่อมกระทำไม่ได้เช่นกัน

เนื้อหาที่ใช้สอน

  • (1) ลักษณะของกฎหมายมหาชนและบ่อเกิดของกฎหมาย
    – ความหมายของคำว่า “การใช้กฎหมาย” และ “การตีความกฎหมาย”
    – ลักษณะของกฎหมายมหาชน
    – ความหมายของบ่อเกิดของกฎหมาย
    – ประเภทของบ่อเกิดของกฎหมาย
    – ลำดับชั้นแห่งผลบังคับของบ่อเกิดของกฎหมาย
    – บ่อเกิดของกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษร
    – รัฐธรรมนูญ
    – กฎหมายนิติบัญญัติ
    – กฎหมายบริหารบัญญัติ (กฎหมายลำดับรอง)
    – กฎหมายองค์การบัญญัติ
    – ปัญหาเกี่ยวกับประกาศคณะรัฐประหารในฐานะบ่อเกิดของกฎหมาย
    – ปัญหาเกี่ยวกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
    ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาในฐานะบ่อเกิดของกฎหมาย
  • (2) หลักเกณฑ์ทั่วไปในการตีความกฎหมายลายลักษณ์อักษร
    – ทฤษฎีในการตีความกฎหมายลายลักษณ์อักษร ทฤษฎีอำเภอจิต ทฤษฎีอำเภอ การณ์
    – หลักเกณฑ์การตีความกฎหมายลายลักษณ์อักษร
    – การตีความตามหลักภาษาและไวยากรณ์
    – การตีความตามระบบ
    – ปัญหากรณีของบทบัญญัติแห่งกฎหมายขัดแย้งกัน
    – ปัญหาความสัมพันธ์ของพระราชวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ กับ
    พระราชบัญญัติอื่น ๆ
    – การตีความตามประวัติความเป็นมาแห่งกฎหมาย
    – การตีความตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย
  • (3) ช่องว่างของกฎหมายและการอุดช่องว่างของกฎหมาย
    – ความหมายของช่องว่างแห่งกฎหมาย
    – ช่องว่างในทางนิตินโยบาย
    – ช่องว่างที่มีลักษณะเป็นการมอบอำนาจ (ช่องว่างแบบ intra verba legis)
    – ช่องว่างของกฎหมายแบบเปิด (ช่องว่างแบบ praeter verba legis)
    – ช่องว่างของกฎหมายที่เกิดจากกรณีที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็น
    – วิธีการอุดช่องว่างของกฎหมาย
    – ข้อห้ามในการอุดช่องว่างของกฎหมายโดยการใช้กฎหมายโดยเทียบเคียงใน
    กฎหมายมหาชน
    – การอุดช่องว่างของกฎหมายโดยการให้เหตุผลแบบ “ยิ่งต้องเป็นเช่นนั้น”
    – การอุดช่องว่างของกฎหมายโดยให้เหตุผลว่ากรณีที่กฎหมายไม่บัญญัติเท่ากับ
    กฎหมายไม่ต้องการผลเช่นนั้น
    – การอุดช่องว่างของกฎหมายโดยการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
    – การอุดช่องว่างของกฎหมายโดยใช้กฎหมายจารีตประเพณี
    – การอุดช่องว่างของกฎหมายโดยใช้หลักกฎหมายทั่วไป
  • (4) การใช้กฎหมายโดยเทียบเคียงกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในกฎหมายปกครอง
    – หลักการพื้นฐานในกฎหมายปกครอง: ความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำทาง
    ปกครอง
    – ขั้นตอนการปรับใช้กฎหมาย
    – ความแตกต่างของการตีความโดยขยายความกับการอุดช่องว่างของกฎหมายโดย
    การเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง
    – ความสามารถหรือศักยภาพของบทกฎหมายที่จะนำไปใช้เทียบเคียง
    – การปฏิเสธการเทียบเคียงบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง
    – การพิจารณาความคล้ายของข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับบรรทัดฐานทางกฎหมาย
  • (5) การนำเอาบทบัญญัติในกฎหมายเอกชนมาปรับใช้ในกฎหมายมหาชน
    – กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกระทำการในระบบกฎหมายเอกชน
    – กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกระทำการในระบบกฎหมายปกครอง : ปัญหาการ
    นำเอาบทบัญญัติในกฎหมายเอกชนมาใช้ในกฎหมายมหาชน
    – การนำเอาหลักการแสดงเจตนาต่อผู้อยู่ห่างโดยระยะทางมาใช้กับกรณีของการยื่น
    อุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งทางปกครอง
    – วิธีการนำเอาบทบัญญัติในกฎหมายเอกชนมาใช้ในกฎหมายปกครอง
  • (6) กรณีศึกษา : การตีความคำว่า “ลูกจ้าง” ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
  • (7) กรณีศึกษา : การตีความข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับ “การนับคะแนนใหม่”
  • (8) กรณีศึกษา : การตีความรัฐธรรมนูญในปัญหาเกี่ยวกับการออกลงคะแนนของรัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในที่ประชุมรัฐสภา
  • (9) กรณีศึกษา : การใช้และการตีความกฎหมายปกครองในปัญหาเกี่ยวกับการอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีผู้บังคับบัญชา ผู้กำกับดูแล หรือผู้ควบคุมกำกับ

รูปแบบการเรียนรู้

จำนวน 6 ชั่วโมงการเรียนรู้ (มีประกาศนียบัตร) ผู้เรียนจะต้องเข้าเรียนผ่านระบบออนไลน์ที่ Oacacademy.admincourt.go.th และทำกิจกรรมระหว่างเรียนเช่น การดูวีดิโอ การอ่านเนื้อหา  และการสอบวัดผลการเรียนรู้ จำนวน 10 ข้อ โดยผู้เรียนต้องมีคะแนนรวมทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 70% (7 ข้อ) จึงจะผ่านเกณฑ์เพื่อรับประกาศนียบัตรในระบบได้

ผู้สอนรายวิชา

  • วรเจตน์ ภาคีรัตน์

รายละเอียด :

 

Additional information

กลุ่มผู้เรียน

บุคลากรศาลปกครอง

ระดับเนื้อหา

พื้นฐาน

หน่วยงาน

สำนักงานศาลปกครอง